หลายคนคงจะได้ยินชื่อระบบเสียง Dolby Atmos มานานแล้วว่าแต่จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ Dolby Atmos คือระบบรอบทิศทางแบบหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมา เรามักจะคุ้นเคยกับคำว่า Stereo, 5.1 หรือ 7.1 กัน ซึ่งเป็นชื่อเรียกระบบเสียงรอบทิศทางที่มีการแบ่งช่องทางของแหล่งกำเนิดเสียงกระจายตามตำแหน่งๆ ต่างรอบตัวเรานั่นเอง Dolby Atmos ก็คล้ายกัน แต่จะเพิ่มทิศทางด้านบนเข้าไปด้วย เราจึงเรียกว่าเป็นเสียงรอบทิศทางแบบ Immersive เราอาจจะสรุปสั้นๆ ได้ว่า นี่คือขั้นสุดของระบบเสียงรอบทิศทาง ที่สามารถเพิ่มแหล่งกำเนิดเสียงให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางต่างๆ รอบตัวเราแบบ 360 องศาได้อย่างอิสระเลยทีเดียว
Dolby Atmos ถือกำเนิดขึ้นในปี 2012 แรกเริ่มเดิมทีการที่เราจะสัมผัสประสบการณ์ Atmos ได้นั้น เราจะต้องไปที่โรงภาพยนตร์ที่ฉายภาพยนตร์ที่เป็นเสียง Dolby Atmos ในโรงที่ออกแบบมาให้รองรับระบบเสียงนี้เป็นหลัก แต่ปัจจุบันนี้ Dolby Atmos ยังมีอยู่ในคอนเทนต์ต่างๆ อีกมากมายนอกจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากสตูดิโอค่ายดังๆ ทั้งหลายแล้ว ภาพยนตร์ที่เป็น animation หรือ series ที่ลงในบรรดา streaming ค่ายใหญ่ๆ อย่าง Netflix, Disney+ และ Amazon Prime ต่างก็มีคอนเทนต์ในรูปแบบของเสียง Dolby Atmos ให้เลือกชมได้มากมายเช่นกัน ไม่ใช่แค่โรงภาพยนตร์ ต่างกันที่จะอยู่ในแพ็กเกจปกติ หรือต้องเป็นสมาชิกแบบพรีเมียมก็แล้วแต่ streaming ค่ายนั้นๆเลย
นอกจากในโลกของภาพยนตร์แล้ว Dolby Atmos ยังก้าวไปอยู่โลกของดนตรีด้วยเช่นกัน Music streaming ชั้นนำอย่าง Apple Music ก็ประกาศนำเทคโนโลยีจาก Dolby ไปใช้เมื่อกลางปี 2021 ภายใต้ชื่อ Spatial Audio นั่นเอง และ สำหรับคอเกมส์ XBox หลายๆ คนคงได้ลองประสบการณ์เกมส์ในแบบ Dolby Atmos กันแล้ว เพราะว่าหลายๆ ค่ายเกมส์ที่อยู่ในระบบ XBox ต่างพาเหรดกันออกฟอร์แมทเสียงนี้เพื่ออรรถรสการเล่นเกมส์ที่สุดจะบรรยาย
หากจะถามว่ามีระบบเสียงแบบ Immersive แบรนด์อื่นๆ ที่เทียบเคียงกับ Dolby Atmos ไหม ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน เช่น DTS:X, Auro 3D, Sony360 และอีกหลายมาตรฐานในตลาด ซึ่งหลายๆ เทคโนโลยีดังกล่าว ยังเน้นการผลิตอยู่ในรูปแบบภาพยนตร์ที่ฉายในโรงเป็นหลัก แต่ก็มีบางค่าย เริ่มออกแบบระบบดังกล่าวให้ย่อลงมาอยู่ในลักษณธของ Home Entertainment บ้างแล้วเช่นกัน เช่น IMAX Enhanced by IMAX dts
นอกจาก Spatial Audio ใน Apple Music แล้ว แอพเพลงยอดนิยมอย่าง Tidal ก็มีเพลงแบบ Dolby Atmos ให้เลือก stream ด้วยเช่นกัน ส่วนใครที่ฟัง Spotify หรือว่าฟังเพลงจาก YouTube เป็นหลัก ยังต้องอดใจรอกันหน่อย
จะฟังได้ด้วยวิธีไหน ถึงจะเป็น Dolby Atmos? ขอตอบว่าเราสามารถฟังด้วย หูฟังธรรมดา หรืออุปกรณ์ iOS รุ่นใหม่ๆ ที่รองรับได้เลย การ playback ของระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ไม่จำเป็นต้องมีลำโพง setup อะไรมากมาย เราสามารถสัมผัสประสบการณ์แบบ Dolby Atmos ผ่าน headset ต่างๆ แบบที่บอกความแตกต่างได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หากแต่ถ้ามีการ playback ผ่านอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับโดยเฉพาะ เช่น ลำโพง sound bar บางรุ่น หรือห้องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เราก็จะได้ประสบการณ์ฟังที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทั้งนี้การเลือกลำโพงที่รองรับระบบ Dolby Atmos ยังขึ้นกับอีกหลายปัจจัยในการใช้งาน เช่น ขนาดของห้อง ชนิดของ input ที่รองรับ งบประมาณ ฯลฯ
หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ iOS อย่าลืมเข้า Settings > Music และเปิดโหมด Dolby Atmos เป็น Automatic หรือว่า ON กันไว้ด้วยนะ